คะแนนที่คุณควรเน้นในการสอบ GMAT นั้นคือคะแนนในส่วนของ verbal และ math ซึ่งทั้งสองส่วนนี้เป็นส่วนหลักที่จะใช้ในการสมัครเรียนต่อและใช้ในการคำนวณเพื่อกลายเป็นคะแนนเต็ม 800 คะแนน ดังนั้นถ้าคะแนนทั้งสองส่วนนี้ต่ำจนทำให้คะแนนที่เต็ม 800 คะแนนนี้ต่ำเกินไปก็อาจจะทำให้โอกาสที่จะได้ในมหาวิทยาลัยที่ต้องการนั้นต่ำลงไปได้ แปลว่าหากเราได้คะแนนส่วนนี้ต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยของมหาลัยนั้นๆมากก็ควรจะสอบใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยที่เราต้องการ แต่ต้องอย่าลืมว่าคะแนน GMAT เป็นแค่เพียงส่วนนึงในการสมัครเข้าเรียนต่อเท่านั้น ยังมีทั้ง profile ของเราจากทั้งใน resume และ ในเรียงความที่เราเขียนสมัครด้วย และคะแนน TOEFL หรือ IELTS ก็ต้องผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของมหาวิทยาลัยด้วยเช่นกันดังนั้นการทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับคะแนน GMAT จึงอาจจะไม่ใช่ทางทีดีเท่าไหร่นัก
สำหรับในอีกสองพาร์ท IR และ Writing จะมีความสำคัญน้อยกว่า verbal และ math และถึงแม้จะได้คะแนนไม่ดี ก็ไม่ส่งผลต่อการสมัครมากนัก ยกเว้นว่าถ้า writing ต่ำมากเกินไปเช่นได้ 1-3/6 ก็อาจจะดูไม่ดีได้
สรุปจากตรงนี้คือถ้าคะแนนน้อยเกินไป น้อยกว่าคะแนนเฉลี่ยของมหาวิทยาลัยที่เราต้องการก็ควรจะสอบใหม่ แต่ว่าเราควรแบ่งเวลาให้ดี และ ถึงแม้จะคะแนนไม่ถึงก็มีอีกหลายมหาวิทยาลัยหลายโปรแกรมที่ไม่จำเป็นต้องใช้ GMAT หรือสามารถใช้คะแนนอื่นๆเช่น GRE ในการสอบได้ หรือถ้าในไทยก็เช่น คะแนน Smart II ดังนั้นเราต้องวางแพลนให้ดีๆ
สำหรับคำถามว่าเราสามารถสอบได้กี่ครั้งนั้นตามกฏของการสอบที่ออกโดยหน่วยงาน GMAC ที่จัดการสอบ GMAT ได้บอกว่าในหนึ่งปีผู้สอบสามารถสอบได้ไม่เกิน 5 ครั้งและเมื่อสอบแล้วจะต้องรอเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วันก่อนที่จะทำการสอบครั้งใหม่ (การยกเลิกไม่ขอรับคะแนนก็นับว่าเป็นหนึ่งครั้งท