Statement of Purpose (SOP) หรือบางคนอาจจะเรียกมันว่า Letter of Intent เป็นจดหมายที่สรุปถึงความสนใจ และ ประสบการณ์ของคุณและโยงมันว่าทำไมคุณถึงเหมาะกับโปรแกรมที่คุณต้องการจะสมัคร เช่นสำหรับโปรแกรมที่เน้นถึงการ research (จำพวก PhDs) SOP ของคุณก็ควรจะเน้นถึงงานวิจัยที่คุณเคยทำ หรือ แนวทางการวิจัยที่มีแพลนจะทำในอนาคตและผลกระทบของมันต่องานในสายนั้นๆ หรือหากเป็น SOP ของโปรแกรมเช่น MBA คุณก็ควรจะเน้นถึงประสบการณ์ทำงานของคุณในอดีตและสิ่งที่คุณแพลนจะทำในอนาคตหลังจากเรียนจบ เช่น อยากจะกลับมาทำงานที่บริษัทในสายงานเดิมให้ดี และจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัท หรือ จะทำงานในบริษัทนานาชาติในด้านนี้เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เราอินและชอบมาตั้งแต่ต้น ดังจะเห็นได้จากเส้นทางการเลือกและการทำงานของเราที่ผ่านมา และ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเลือกโปรแกรมของคุณเพราะมันเหมาะกับเราที่สุด… ** โดยอย่าลืมว่าเวลาเราเขียนต้องเขียนให้มันเป็นไปได้จริงให้มากที่สุดและแสดงถึงความทะเยอทะยานอย่างเหมาะสมไปพร้อมๆกัน เช่น เป้าหมายด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
- จบมาแล้วอยากจะเป็นประธาธิบดีของประเทศหนึ่งในโลกนี้ (แทบจะเป็นไปไม่ได้)
- จบมาแล้วอยากเป็นหมอ (ทั้งๆที่เลือกโปรแกรมวิจัย หรือโปรแกรมด้านธุรกิจและไม่มี ปสก หรือ ปริญญาด้านนั้น)
- จบมาแล้วอยากกลับมาทำที่เดิมแบบเดิม มาเรียนเพราะบริษัทให้มา (ไม่แสดงถึงความมุ่งมั่น และ ไม่มีความทะเยอทะยาน มหาวิทยาลัยจะมองว่าคุณไม่ได้เห็นความสำคัญของที่มา)
- จบแล้วอยากเป็น super hero สู้กับสัตว์ประหลาด (ตัวผมเองชอบแต่มหาวิทยาลัยไม่น่าจะชอบเพราะเป็นไปไม่ได้จริง เหมือนดูการ์ตูนมากไป)
นอกจากแสดงถึง ประสบการณ์ที่เราจะเขียนแล้ว เรายังต้องมองด้วยว่ามันสนับสนุน resume / CV ของเราไหม เพราะเวลาที่เราจะส่งเพื่อเรียนต่อนั้นเราต้องเน้นให้มันสนับสนุนซึ่งกันและกันไม่ใช่เนื้อหาเหมือนๆกันมากจนเกินไป เช่นอาจจะเพิ่มความเป็นมนุษย์ความเข้าใจและลิ้งค์ถึงเป้าหมายชีวิต หรือเรื่องราวของเรามากขึ้นผ่าน SOP โดยอิงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและไปทางเดียวกันกับ resume ของเรา