บางคนอาจจะบอกว่าข้อสอบ GMAT มีความคล้ายคลึงกันกับข้อสอบ GRE เพราะว่าเป็นข้อสอบที่ออกแบบมาสำหรับจุดประสงค์ใกล้เคียงกัน: การเตรียมเรียนต่อปริญญาโท หรือ ปริญญาเอก แต่การเตรียมข้อสอบทั้งสองอย่างงนี้พร้อมกัน ไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะข้อสอบทั้งสองตัวนี้เป็นข้อสอบที่ยากและแต่ละตัวผู้สอบควรใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนในการเตรียมตัวสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และอาจจะมากกว่านี้สำหรับผู้ที่อ่อนภาษาอังกฤษหรือคณิตศาสตร์
ดังนั้นผู้สอบควรพิจารณาให้ดีตั้งแต่ต้นก่อนจะเริ่มการเตรียมสอบว่าจะสอบข้อสอบตัวไหน ปัจจัยหลักเลยคือข้อสอบทั้งสองชนิดนี้มีจุดประสงค์ในการเรียนต่อไม่เหมือนกัน ข้อสอบ GMAT จะเป็นข้อสอบที่เน้นในด้านการสมัครเรียนต่อ Business School ในขณะที่ข้อสอบ GRE เป็นข้อสอบที่เน้นในการสมัครเรียนต่อในสาขาอื่นๆ (ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้ business school หลายที่จะเริ่มรับข้อสอบ GRE ในการสมัครเรียนต่อเช่นเดียวกันกับ GMAT แต่ก็ยังเป็นที่รู้กันอยู่ว่าข้อสอบที่ business school ส่วนมากชอบมากกว่าคือข้อสอบ GMAT ในขณะที่ข้อสอบ GRE ยังเป็นข้อสอบหลักที่ใช้ในการสมัครเรียนต่อคณะทีไม่ใช่สายธุรกิจ)
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างข้อสอบสองตัวนี้และควรสอบอะไรได้จากลิ้งค์นี้ครับ
ดังนั้นทีมเราจึงอยากแนะนำว่าผู้สอบไม่ควรเตรียมสองข้อสอบนี้พร้อมกัน ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งที่เหมาะกับจุดประสงค์และความถนัดของตัวเองมากกว่า และเอาเวลาที่เหลือไปใช้ในการเตรียมตัวกับส่วนอื่นๆของ application เพราะคะแนน GMAT หรือ GRE ที่สูงเพียงอย่างเดียวไม่ได้เป็นสิ่งรับประกันว่าจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ต้องการ ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ใช้ร่วมกันอีกด้วย
มหาวิทยาลัยใช้อะไรบ้างในการพิจารณาผู้สมัคร
มาถึงคำถามที่สองว่าถ้าหากต้องการเปลี่ยนข้อสอบกลางคันสามารถทำได้หรือไม่ และควรทำหรือไม่
สำหรับคำถามนี้หากผู้สมัครมั่นใจแล้วว่าคณะที่ต้องการจะสมัครนั้นรับทั้ง GMAT และ GRE ผู้สมัครควรคำนึงถึงเรื่องของเวลาที่เหลือ และ ความถนัดเป็นหลักว่าควรจะย้ายไปสอบอีกตัว หรือ ควรจะพยายามสอบตัวเดิมให้ได้ดีขึ้น เพราะตามที่กล่าวไว้ด้านบน ข้อสอบ GMAT และ GRE เป็นข้อสอบที่ยากและออกแบบมาสำหรับ native speaker (แปลว่าแม้แต่เจ้าของภาษาเองก็ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวเช่นกัน) ดังนั้นหากมีเวลาเหลือน้อยการเปลี่ยนไปเตรียมข้อสอบอีกชนิดหนึ่งจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทาย
ยกเว้นในสองกรณีด้านล่างนี้ที่ผู้สอบอาจจะควรย้ายไปทำข้อสอบอีกชนิดหนึ่งได้คือ
1. ผู้สอบรู้สึกว่าถนัดในการทำข้อสอบอีกชนิดหนึ่งมากกว่าจริงๆ หลังจากได้ทดลองทำ หรือดูข้อสอบแล้ว
มีปัจจัยอะไรบ้างในการเลือกสอบข้อสอบ GMAT หรือ GRE
2. ผู้ที่สอบ GMAT ที่สอบจนใกล้จำนวนเต็มแล้วและคะแนนยังไม่ถึงที่พอใจอาจจะพิจารณาการย้ายไปสอบข้อสอบอีกชนิดได้ (ข้อสอบ GMAT สามารถสอบได้ทั้งหมด 5 ครั้งต่อปี และ 8 ครั้งตลอดชีวิต)
3. การสอบอีกตัวหนึ่งตรงกับจุดประสงค์ในการเรียนต่อมากกว่า
เช่นตอนแรกผู้สอบตั้งใจจะสมัครสอบเรียนต่อใน Business school ซึ่งจะ prefer GMAT มากกว่า แต่ตัดสินใจย้ายไปโปรแกรมเช่น Psychology หรือ Economics แทน ผู้สอบจึงควรสอบโดยการใช้ GRE แทน